การนำเข้าอาหารไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา
ข้อบังคับของสำนักงานอาหารและยา (FDA) เกี่ยวกับการขนส่งอาหารไปยังสหรัฐอเมริกา
ผ่านพิธีการศุลกากรอย่างฉับไวและขนส่งสินค้าถึงที่หมายได้รวดเร็วที่สุดเมื่อขนส่งอาหารไปยังสหรัฐอเมริกาเมื่อใช้บริการดีเอชแอล เราจะช่วยให้คุณมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ของสำนักงานอาหารและยา (FDA) และข้อบังคับของศุลกากรสหรัฐซึ่งมีผลบังคับใช้ล่าสุด
|
|
|
|
สินค้าประเภทใดบ้างที่อยู่ในบังคับของกฎหมายฉบับนี้? |
ตัวอย่างสินค้าที่สำนักงานอาหารและยา (FDA) กำหนดให้ถือว่าเป็นอาหารได้แก่:
-
อาหารเสริมและส่วนประกอบของอาหารเสริม
-
อาหารสำหรับเด็กทารก
-
เครื่องดื่ม รวมทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำดื่มบรรจุขวด
-
ผัก และผลไม้
-
ปลาและอาหารทะเล
-
ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมและไข่สดพร้อมเปลือก
-
ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ไม่ได้ผ่านการแปรรูปและใช้เป็นอาหารหรือส่วนประกอบของอาหาร
-
อาหารกระป๋องและอาหารแช่แข็ง
-
สัตว์มีชีวิตสำหรับบริโภค
-
ผลิตภัณฑ์จำพวกขนมปัง ขนมขบเคี้ยว ลูกกวาดและหมากฝรั่ง
-
อาหารสัตว์และอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง
สินค้าชนิดใดบ้างที่ได้รับการยกเว้น |
สินค้าที่ระบุไว้ด้านล่างนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องแจ้งรายละเอียดล่วงหน้า:
-
ผลิตภัณฑ์อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก และไข่ซึ่งอยู่ภายใต้คำสั่งเป็นที่สุดของกระทรวงการเกษตรสหรัฐ (U.S. Department of Agriculture – USDA) และเป็นไปตามกฎเกณฑ์และข้อบังคับของ USDA
-
อาหารซึ่งผลิตโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่งซึ่งได้ผลิตขึ้นในที่พักอาศัยของบุคคลดังกล่าวโดยมิได้ทำเป็นการค้าหรือมีเหตุผลทางธุรกิจ และจัดส่งให้ผู้อื่นเป็นของขวัญในสหรัฐอเมริกา เมื่อเร็วๆ นี้สำนักงานอาหารและยาได้ขยายขอบเขตข้อยกเว้นให้กว้างขึ้นโดยให้การจัดส่งอาหารเพื่อการส่วนตัวได้รับการยกเว้นด้วย ซึ่งหมายความถึงเฉพาะการขนส่งจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่งโดยไม่มี
วัตถุประสงค์ในทางการค้า ตัวอย่างเช่น:
-
อาหารสำหรับเป็นสินค้าภายในบ้าน รวมไปถึงการจัดส่งอาหารของหน่วยงานทางทหาร หน่วยงานพลเรือน หน่วยงานภาครัฐ และทูต
-
อาหารซึ่งนักท่องเที่ยวสั่งซื้อและสั่งให้จัดส่งไปยังที่อยู่ของตนในสหรัฐอเมริกา
-
ของขวัญที่ซื้อหาจากบริษัทการค้าและจัดส่งไปยังผู้สั่งซื้อที่มิใช่บริษัทการค้า
-
อาหารที่บรรจุอยู่ในกระเป๋าของนักการทูต
หมายเหตุ: ไม่รวมถึงการขนส่งจากผู้ค้าปลีกหรือผู้จัดจำหน่ายไปยังบุคคล การขนส่งประเภทดังกล่าวจำต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า (กรุณาอ่านเกี่ยวกับ “ตะกร้าของขวัญ” ด้านล่างด้วย)
ตัวอย่างอาหารที่มิใช่เพื่อการบริโภคซึ่งมีมูลค่าต่ำกว่า 200 เหรียญสหรัฐก็ได้รับการยกเว้นไม่ต้องแจ้งรายละเอียดล่วงหน้า รวมถึงการขนส่งซึ่งระบุชัดเจนว่าเป็นตัวอย่างอาหารส่งถึงผู้ผลิตอาหารหรือศูนย์ทดลองทางวิทยาศาสตร์ แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงการขนส่งตัวอย่างอาหารไปยังผู้ค้าปลีกหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
สำนักงานอาหารและยามีอำนาจเต็มในการจำกัดคำนิยามของสินค้า ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานอาหารและยา www.fda.gov
ผู้ใดต้องขึ้นทะเบียนบ้าง? |
แหล่งผลิตสินค้าทุกรายในสหรัฐอเมริกาที่ผลิต แปรรูป บรรจุ หรือเก็บรักษาผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับคนหรือสัตว์จะต้องขึ้นทะเบียนกับสำนักงานอาหารและยา
จะต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง? |
ในการขึ้นทะเบียนแต่ละครั้งจะต้องมีข้อมูลดังต่อไปนี้:
-
ชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของสถานประกอบการและบริษัทแม่ (ถ้ามี)
-
ชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าของกิจการหรือตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ
-
ชื่อทางการค้าที่ใช้ทั้งหมด
-
ประเภทของผลิตภัณฑ์อาหาร และ
-
หนังสือรับรองยืนยันว่าข้อมูลที่ได้ให้นั้นเป็นจริงทุกประการและบุคคลผู้ให้ข้อมูลเป็นผู้มีอำนาจในการแจ้งข้อมูลและขึ้นทะเบียน
-
สถานประกอบการต่างประเทศจะต้องตั้งตัวแทนซึ่งจะยังคงอาศัยหรือประกอบการอยู่ในสหรัฐอเมริกา เพื่อมาแสดงตัวระหว่างการขึ้นทะเบียนด้วย
เมื่อใดจะต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลในการขึ้นทะเบียนครั้งก่อน? |
หากข้อมูลของสถานประกอบการที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้วได้มีการเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ จะต้องมีการยื่นหนังสือขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงภายใน 60 วันนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
ลูกค้าจะสามารถขึ้นทะเบียนสถานประกอบการของตนกับสำนักงานอาหารและยา ได้อย่างไร? |
DHL Express USA Inc สามารถยื่นหนังสือแจ้งให้ทราบล่วงหน้าสำหรับการขนส่งในแต่ละครั้งแทนลูกค้าได้แต่ทั้งนี้ดีเอชแอลมิได้มีบริการขึ้นทะเบียนแต่อย่างใด ลูกค้าสามารถทำการขึ้นทะเบียนได้เองกับสำนักงานอาหารและยาโดยตรงได้ที่
ลูกค้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสำนักงานอาหารและยาจะได้รับหนังสือแจ้งให้ทราบล่วงหน้าภายในเวลาที่กำหนด? |
ดีเอชแอลจะต้องได้รับหมายเลขยืนยันการแจ้งรายละเอียดล่วงหน้าหรือข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับสินค้าเพื่อยื่นให้กับสำนักงานอาหารและยา ณ เวลาที่ดีเอชแอลนัดรับพัสดุภัณฑ์เพื่อขนส่งต่อไป
สำนักงานอาหารและยายังกำหนดให้ผู้นำเข้าอาหารสามารถส่งหนังสือแจ้งรายละเอียดล่วงหน้าได้โดยตรง ซึ่งจะต้องยื่นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ www.access.fda.gov
ข้อมูลที่จะต้องส่งให้กับสำนักงานอาหารและยาล่วงหน้านี้ สามารถส่งแนบมากับเอกสารการจัดส่งอื่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าได้แจ้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้กับสำนักงานอาหารและยาอย่างครบถ้วน
ยังมีข้อมูลอื่นๆ ที่กำหนดให้แจ้งล่วงหน้าอีกหรือไม่? |
นอกเหนือจากการจัดส่งใบกำกับราคาสินค้าตามมาตรฐานทั่วไป ข้อมูลด้านล่างนี้จะต้องถูกระบุไว้ในใบกำกับราคาสินค้าเวลานัดรับสินค้าเพื่อขนส่งต่อไปด้วย:
-
รายละเอียดเกี่ยวกับอาหารทุกประเภท รวมทั้งชื่อสากล หรือชื่อที่ใช้เรียกในท้องตลาด ปริมาณนับโดยหน่วยบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กที่สุด พร้อมทั้งรหัสสินค้า และรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง.
-
ข้อมูลทั้งหมดจะต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษ คุณสามารถค้นหารหัสสินค้าต่างๆ เพื่อความรวดเร็วในขั้นตอนการแจ้งรายละเอียดล่วงหน้าได้ที่www.accessdata.fda.gov
-
ชื่อและที่อยู่ผู้ผลิตหรือผู้เพาะปลูก พร้อมทั้งหมายเลขทะเบียนที่ขึ้นไว้กับสำนักงานอาหารและยา (ถ้ามี)
-
ประเทศที่ผลิต
-
ชื่อและที่อยู่ของผู้ส่ง พร้อมทั้งหมายเลขทะเบียนที่ขึ้นไว้กับสำนักงานอาหารและยา (ถ้ามี)
-
ชื่อและที่อยู่ของผู้นำเข้า ผู้สั่งซื้อ หรือผู้รับสินค้า พร้อมทั้งหมายเลขทะเบียนที่ขึ้นไว้กับสำนักงานอาหารและยา (ถ้ามี)
ข้อมูลที่จะต้องส่งให้กับสำนักงานอาหารและยาล่วงหน้านี้ สามารถส่งแนบมากับเอกสารการจัดส่งอื่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าได้แจ้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้กับสำนักงานอาหารและยาอย่างครบถ้วน
ควรทราบว่าข้อมูลที่จะแจ้งล่วงหน้าจะต้องแยกตามแต่ละประเภทของอาหารที่แตกต่างกันไป ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงของขนาดและวิธีการบรรจุสินค้าด้วย
ดีเอชแอลต้องการข้อมูลอะไรบ้างจากลูกค้า กรณีที่ลูกค้าประสงค์ที่จะแจ้งข้อมูลล่วงหน้าโดยตรงกับทางสำนักงานอาหารและยา? |
ดีเอชแอลจะขอให้ลูกค้าทำสำเนาข้อมูลที่จะแจ้งล่วงหน้า 1 ชุดแนบมากับพัสดุภัณฑ์ที่ต้องการจัดส่ง และจะต้องระบุหมายเลขยืนยันการแจ้งล่วงหน้าระบุไว้ในใบกำกับราคาสินค้าอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ใบนำส่งสินค้าทางอากาศควรจะต้องระบุว่าเป็น “อาหาร หรือเกี่ยวกับอาหาร” ด้วย
อะไรจะเกิดขึ้นหากลูกค้าไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับข้างต้น? |
อาหารนำเข้าที่ปราศจากข้อมูลแจ้งรายละเอียดล่วงหน้าที่เพียงพอ จะถูกกักไว้ที่ท่าเรือ หรือในคลังสินค้าที่มีการเก็บรักษาอย่างปลอดภัย สำนักงานอาหารและยาได้วางแนวทางให้เจ้าพนักงานปฏิบัติตามข้อแนะนำในการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งได้แก่ การออกคำสั่ง การสอบสวน การยึด การทำลาย การปรับ และการลงโทษในกรณีที่ผู้ส่งหรือผู้นำเข้าอาหารไม่สามารถจัดให้มีการแจ้งรายละเอียดล่วงหน้าอย่างเพียงพอได้ทันเวลา
พระราชบัญญัติป้องกันการก่อการร้ายทางชีวภาพ |
พระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันความปลอดภัยและการเตรียมความพร้อมกรณีการก่อการร้ายทางชีวภาพปี 2002 (Public Health Security and Bio-terrorism Preparedness and Response Act of 2002) หรือที่เรียกกันว่ากฎหมาย bio-terrorism หรือ BTA ของสหรัฐอเมริกานั้นมีเจตนารมณ์ที่จะป้องกันประเทศจากการก่อการร้ายทางชีวภาพต่อแหล่งอาหารจากทั้งในและนอกประเทศ
ด้วยกฎหมายดังกล่าว กรมศุลกากรของสหรัฐอเมริกามีอำนาจที่จะส่งคืนหรือไม่อนุญาตให้ทำการขนส่งสินค้าใดๆ ที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัตินี้ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะปรับ/ลงโทษหากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม
กฎหมายฉบับนี้มีบทบัญญัติหลัก 2 มาตราที่ส่งผลกระทบต่อลูกค้าดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส:
-
การขึ้นทะเบียนสถานประกอบการ: สำนักงานอาหารและยา (FDA) กำหนดให้แหล่งผลิตสินค้าทุกรายทั้งในและต่างประเทศที่ผลิต แปรรูป บรรจุ หรือเก็บรักษาผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับคนหรือสัตว์ในสหรัฐอเมริกาจะต้องขึ้นทะเบียนกับสำนักงานอาหารและยา อย่างไรก็ดี ฟาร์มในสหรัฐอเมริกา แหล่งผลิตสินค้าของผู้ค้าปลีก ภัตตาคารร้านอาหาร และผู้ประกอบการอาหารที่ไม่มุ่งหวังกำไรซึ่งจำหน่ายอาหารไปยังผู้บริโภคโดยตรงได้รับยกเว้นให้ไม่ต้องทำการขึ้นทะเบียนดังกล่าว
-
การแจ้งรายละเอียดล่วงหน้าเกี่ยวกับการนำเข้าอาหาร: สำนักงานอาหารและยา (FDA) กำหนดให้ผู้ซื้อหรือผู้นำเข้าในสหรัฐอเมริกาหรือตัวแทนของบุคคลดังกล่าวจะต้องส่งหนังสือแจ้งรายละเอียดล่วงหน้าไปยังสำนักงานอาหารและยาถึงการนำเข้าอาหาร การแจ้งให้ทราบจะต้องกระทำก่อนสายการบินซึ่งบรรทุกสินค้าที่นำเข้าจะลงจอดล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้ไม่อาจแจ้งล่วงหน้าเกิน 5 วันก่อนสินค้าจะมาถึง
การที่สำนักงานอาหารและยากำหนดให้ต้องขึ้นทะเบียนและแจ้งรายละเอียดล่วงหน้ามีผลกระทบสำคัญต่อธุรกิจการค้าขาย เอกสารฉบับนี้จึงมุ่งที่จะให้ข้อมูลโดยรวมเกี่ยวกับบทบัญญัติมาตราที่เกี่ยวข้องซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณในฐานะที่เป็นลูกค้าของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสได้
ดีเอชแอลพร้อมให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อบังคับที่เกี่ยวข้องและให้ความช่วยเหลือผ่านทางสำนักงานดีเอชแอลในพื้นที่ของคุณ คุณสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายฉบับนี้และประกาศร่างกฎหมายได้ที่ เว็บไซต์ของสำนักงานอาหารและยา
หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับกฎหมายฉบับนี้ กรุณาติดต่อสำนักงานดีเอชแอลในพื้นที่ของคุณ นอกจากนี้ คำถาม-คำตอบด้านล่างยังอาจเป็นประโยชน์กับคุณอีกด้วย