ข้อกำหนดด้านศุลกากรล่าสุด – ยุโรป

การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดด้านศุลกากรที่สำคัญๆ ใน ยุโรป

สำหรับ: ผู้ส่ง
การส่งสินค้า: บรรจุภัณฑ์
บังคับใช้: มีนาคม 1, 2023

ระบบควบคุมการนำเข้า (Import Control System หรือ ICS) คือ สหภาพยุโรป ระบบคัดกรองความปลอดภัยของสินค้าที่ขนส่งเข้าไปยังสหภาพยุโรป (หรือส่งผ่านสหภาพยุโรป) สวิสเซอร์แลนด์ และ นอร์เวย์

สิ่งที่คุณควรรู้

สำหรับชิปเมนต์ที่ขนส่งเข้าไปยัง (หรือส่งผ่าน) สหภาพยุโรป สวิสเซอร์แลนด์ และ นอร์เวย์ ระบบ ICS จะต้องคัดกรองข้อมูลรายละเอียดของชิปเมนต์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์

  • ที่ประเทศต้นทาง
  • ก่อนลำเลียงชิปเมนต์สู่เครื่องบินขนส่งสินค้า
  • ก่อนขาเข้า

สิ่งเหล่านี้สำคัญกับคุณอย่างไร

หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณสามารถทำได้เพื่อช่วยให้ชิปเมนต์ของคุณเดินทางผ่านขั้นตอนการตรวจสอบสินค้าเพื่อความปลอดภัยและกระบวนการด้านศุลกากรได้อย่างราบรื่น นั่นคือการระบุรายละเอียดของชิปเมนต์ (สินค้าต่างๆ ที่ขนส่ง) ให้ถูกต้องตั้งแต่ตอนทำชิปเมนต์ใน MyDHL+

สิ่งที่ DHL Express กำลังทำเพื่อช่วยเหลือคุณ

  • เราจัดเส้นทางการบินอย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นเพื่อให้มั่นใจว่าเราจะให้บริการขนส่งได้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นหมายความว่า ระเบียบข้อกำหนดเกี่ยวกับการตรวจสอบสินค้าเพื่อความปลอดภัยของหน่วยงานด้านศุลกากรนั้นอาจมีผลกระทบต่อการขนส่ง ไม่ว่าจะส่งออกจากประเทศใดหรือนำเข้าไปยังประเทศใดก็ตาม ขึ้นอยู่กับการจัดเส้นทางการบินด้วย
  • เราจะส่งข้อมูลชิปเมนต์ของคุณไปยังหน่วยงานศุลกากรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ก่อนที่ชิปเมนต์จะถูกลำเลียงเข้าไปยังเครื่องบินขนส่งสินค้า

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินพิธีการศุลกากร
อัปเดตเกี่ยวกับระบบควบคุมการนำเข้า  

สำหรับ: ผู้ส่ง, ผู้รับ
การส่งสินค้า: บรรจุภัณฑ์
บังคับใช้: พฤษภาคม 1, 2022

หน่วยงานศุลกากรตุรกีได้ปรับเปลี่ยนมูลค่าเริ่มต้นสำหรับการพิจารณาประเมินภาษีของสินค้านำเข้า

สิ่งที่คุณควรรู้

  • การนำเข้าประเภท B2B ที่มีมูลค่าสูงถึง 22 ยูโร จะมีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตราเหมาจ่ายสำหรับชิปเมนต์ที่ส่งมาจาก
    • ประเทศในสหภาพยุโรป - ภาษี 18%
    • ประเทศที่ไม่ใช่สหภาพยุโรป - ภาษี 30%
  • การนำเข้าแบบ B2C ที่มีมูลค่าสูงถึง 150 ยูโร จะมีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตราเหมาจ่ายที่ 30% ของภาษีเพิ่มเข้าไปกับชิปเมนต์

ชิปเมนต์ที่มีมูลค่ามากกว่า 150 ยูโร ต้องให้ผู้นำเข้า (Importer of Record) มอบหมายให้ DHL

  • เป็นตัวแทนเคลียร์ชิปเมนต์
  • เซ็นและอีเมลการยืนยันอย่างเป็นทางการกลับมายัง DHL

สำหรับ: ผู้ส่ง, ผู้รับ
การส่งสินค้า: บรรจุภัณฑ์
บังคับใช้: มกราคม 1, 2022

สิ่งที่คุณควรรู้

หน่วยงานด้านศุลกากรของฝรั่งเศสได้เปลี่ยนแปลงกระบวนการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการนำเข้า ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Postponed VAT Accounting (PVA)

  • การเปลี่ยนแปลงนี้ให้ใช้กับทุกธุรกิจที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำเข้า (Importer of Record) ในฝรั่งเศส
  • ปัจจุบันจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จะถูกประเมินและเรียกเก็บโดยหน่วยงานของฝรั่งเศสไปยังผู้นำเข้า (Importer of Record) และไม่ได้จัดเก็บในระหว่างกระบวนการตรวจสอบแต่ละชิปเมนต์ที่นำเข้าอีกต่อไป
  • การคิดภาษีมูลค่าเพิ่มนี้ไม่ได้มีผลบังคับใช้กับบุคคลที่นำเข้าสินค้าส่วนตัวหรือชิปเมนต์ที่เป็นเอกสาร
  • ประเทศที่ไม่ได้อยู่ในยุโรปควรปรึกษาที่ปรึกษาด้านภาษี/กฎหมายของตน เพื่อให้เข้าใจข้อปฏิบัติของตน เช่น จะต้องแต่งตั้งตัวแทนทางการเงิน (Fiscal Representative) เพื่อจัดการกระบวนการ PVA หรือไม่

ผู้ส่ง

  • หากผู้ส่งของจะทำหน้าที่เป็นผู้นำเข้า (Importer of Record) ในฝรั่งเศส ผู้ส่งของจะต้องแจ้งข้อมูลผู้นำเข้าในใบแจ้งหนี้การค้าให้ชัดเจน ซึ่งรวมถึง:
    • ข้อมูลทางธุรกิจ (ชื่อ, ที่อยู่, รายละเอียดการติดต่อ)
    • หมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของฝรั่งเศส
    • ปุ่มรูปธงของกลุ่ม European บนคีย์บอร์ด หมายเลข EORI (Economic Operators Registration and Identification)
  • หากผู้ส่งของจะไม่ทำหน้าที่เป็นผู้นำเข้า (Importer of Record) ในฝรั่งเศส DHL จะจัดเตรียมการสำแดงสินค้ากับศุลกากรในฐานะตัวแทนของผู้รับตราส่งสินค้า (ผู้รับของ) ตามมาตรฐานกระบวนการนำเข้า

หน่วยงานด้านศุลกากรของฝรั่งเศส  

สำหรับ: ผู้ส่ง, ผู้รับ
การส่งสินค้า: บรรจุภัณฑ์
บังคับใช้: กรกฎาคม 1, 2021

สิ่งที่คุณควรรู้

  • หน่วยงานด้านศุลกากรของยุโรปได้ยกเลิกการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 22 ยูโร เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564
  • สินค้าเพื่อการค้าทั้งหมดทีนำเข้าสหภาพยุโรปจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และต้องสำแดงสิ่งของกับศุลกากรอย่างเป็นทางการ
  • Import One-Stop Shop (IOSS) เป็นโมเดลการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มแบบใหม่ (สามารถเลือกได้) สำหรับผู้ขายออนไลน์และแพลตฟอร์มออนไลน์ และสำหรับการทำธุรกรรมแบบ B2C สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 150 ยูโร เท่านั้น

ผู้ส่ง

  • ผู้ส่งของแบบ IOSS - ผู้ขายออนไลน์ที่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มทันทีที่มีการซื้อสินค้า และชำระภาษีมูลค่าเพิ่มโดยตรงกับหน่วยงานด้านภาษีของยุโรปโดยชำระเป็นรายเดือน สิ่งสำคัญคือ ผู้ส่งของจะต้องจัดเตรียมเลขประจำตัว IOSS สำหรับการส่งของกับ DHL
  • ผู้ส่งของที่ไม่ใช่ผู้ส่งแบบ IOSS ภาษีมูลค่าเพิ่มจะถูกเรียกเก็บเมื่อนำเข้า
  • ผู้ส่งของทั้งแบบ IOSS และที่ไม่ใช่ IOSS จะต้องชำระค่าธรรมเนียมและค่าบริการด้านศุลกากรให้กับ DHL ตามปกติ

ผู้รับ

ถ้าผู้รับเป็นผู้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (หรือค่าใช้จ่ายด้านศุลกากรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง):

  • ผู้ถือบัญชี DHL - DHL จะเรียกเก็บเงินจากบัญชีนั้น
  • ผู้ที่ไม่ได้ถือบัญชี - DHL จะส่งลิงค์สำหรับชำระเงินออนไลน์ไปให้

สำหรับ: ผู้ส่ง, ผู้รับ
การส่งสินค้า: บรรจุภัณฑ์
บังคับใช้: มกราคม 1, 2021

ในฐานะที่สหราชอาณาจักรแยกออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ได้มีการทำข้อตกลงเพื่อใช้ควบคุมความสัมพันธ์ทางการค้าเกิดขึ้น ในวันที่ 1 มกราคม 2564 สหราชอาณาจักรไมได้เป็นส่วนหนึ่งของตลาดยุโรป และสหภาพศุลกากรยุโรปอีกต่อไป

สิ่งที่คุณควรรู้

  • ในการส่งของระหว่างสหภาพยุโรปและอังกฤษ จะต้องผ่านพิธีการศุลกากร และต้องชำระภาษีและอากรสำหรับสินค้าที่ขนส่ง
  • เพื่อให้ได้รับประโยชน์จาก "การไม่เก็บภาษีศุลกากร" (zero tariff) ตามข้อตกลงทางการค้าระหว่างยุโรปกับอังกฤษ จะต้องมีหลักฐานประเทศต้นกำเนิดสินค้า และคำอธิบาย "origin statement" ใส่มาในใบแจ้งหนี้การค้า

ผู้ส่ง

  • ใบกำกับสินค้าของศุลกากรที่สมบูรณ์และถูกต้อง (Commercial/ Proforma) จะช่วยให้การดำเนินพิธีการศุลกากรเป็นไปอย่างราบรื่น
  • ถ้าผู้ส่งของจากอังกฤษจะทำหน้าที่เป็นผู้นำเข้าในสหภาพยุโรป ผู้ส่งของจะต้องระบุข้อมูลผู้นำเข้าในใบแจ้งหนี้การค้าให้ชัดเจน ซึ่งรวมถึง:
    • ข้อมูลทางธุรกิจ (ชื่อ, ที่อยู่, รายละเอียดการติดต่อ)
    • เลขภาษีมูลค่าเพิ่มในท้องถิ่น (ของประเทศปลายทางในยุโรป)
    • หมายเลข EORI (Economic Operators Registration and Identification)

ผู้รับ

  • อาจมีค่าภาษีอากรนำเข้า (หรือค่าธรรมเนียมด้านศุลกากรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง)

เว็บไซต์รัฐบาลอังกฤษ  
ขั้นตอนการดำเนินงานด้านศุลกากรของยุโรป  


กลับขึ้นไปข้างบน